การนำเสนอ
การนำเสนอ ต้องมีอยู่เรื่อยๆ เพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจการทำงานของเรา และได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เทคนิคต่อไปนี้ลอกมาจากของคุณ mk แทบจะทั้งดุ้น เพราะรู้สึกว่าเขียนได้ีละเอียดดี แถมเราก็เห็นด้วยกับหลายๆ เรื่อง
- สไลด์: จุดประสงค์ของสไลด์หรือพรีเซนเตชัน ก็คือการบอกว่า
เรื่องนี้คืออะไร (จำกัดความ) มีความน่าสนใจแค่ไหน
(เปรียบเทียบกับคู่แข่งหรือตัวอื่นๆ) และถ้าสนใจเพิ่มเติม
สามารถหาข้อมูลได้แถวไหน (เว็บลิงก์ หรือคีย์เวิร์ดสำคัญ
ให้คนไปกูเกิลได้) เท่านั้น ซึ่งมีคนจำนวนมากคิดว่ามันคือ Text Document
ที่ดันอยู่ในแนวนอน แล้วก็พยายามก็อปเอกสารทั้งหน้า
หรือข้อความเป็นพรืดใส่ลงไป - ที่คิดไว้ในใจ
สไลด์หน้านึงยาวได้แค่ 8 บรรทัดเท่านั้น นั่นหมายถึง Bullet 4 อันต่อหน้า
(พร้อมคำอธิบาย Bullet ละบรรทัด) ความยาวนั้นไม่ตายตัว แต่เรื่องทั่วๆ
ไปก็ไม่น่าจะเกิน 20 แผ่นโดยประมาณ
ถ้ายาวกว่านั้นแสดงว่าคุณมีปัญหาในการย่อใจความสำคัญแล้ว
- ผมให้ความสำคัญกับหน้าตาของสไลด์ค่อนข้างมาก
ถึงทุกคนจะไม่สามารถ"ทำ"สไลด์ให้สวยเท่ากันได้
แต่ทุกคนสามารถ"มี"สไดล์ที่สวยเหมือนกันได้ - ตาราง ชาร์ตต่างๆ
สามารถแต่งให้มันดูดีได้ ห้ามมีตารางแบบที่เป็นสาวออฟฟิศหัดเล่น PPT
หรือฟอนต์สีรุ้งที่พวกข้าราชการชอบทำใน Word Art โผล่มาเด็ดขาด
- สิ่งที่ต้องมี
คือ ชื่อสไลด์, โอกาสที่มาพรีเซนต์พร้อมลงวันที่,
ชื่อคนเขียนพร้อมเมลที่ติดต่อได้, ไลเซนส์ของสไลด์ (ไม่แน่ใจว่า Creative
Commons จะเหมาะกับงานเอกสารภายในรึเปล่า) ที่สำคัญคือก่อนคุณพูด
คุณต้องมี Archive ของสไลด์นั้นเก็บไว้บนเว็บก่อนพูดเสมอ เพื่อว่าลูกค้า
(หรือผู้ที่สนใจ) จะได้ไม่ต้องมาถามถึงอยู่ตลอดว่ามีสไลด์ให้โหลดมั้ย
การทำ Archive อาจเป็นของรวมของบริษัทที่เป็นเรื่องเป็นราว แยกคนเขียน
แยกวันเวลาชัดเจน - สิ่งที่ไม่ควรมีคือหน้า Question? ในแผ่นสุดท้าย
- บุคคลิกในการพรีเซนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเกลา
บางคนจะมีคำพูดเกะกะที่ติดปากเวลาตื่นเต้น เช่น ก็ นะครับ ดังนั้น etc.
ต้องคอยสังเกตและปรับปรุงตอนเทรน - ผมแนะนำให้ยืนพรีเซนต์ดีกว่านั่งพรีเซนต์
มันดู Active กว่า และสามารถเล่นท่าทางได้มากกว่า
แต่ต้องระวังเคสการยืนบังสไลด์ตัวเองในห้องเล็กๆ และลีลาท่าทางในการยืนด้วย - ออกจะลำเอียงไปเล็กน้อย
แต่ว่าเอกสารนำเสนอไม่ค่อยมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนไฟล์เท่า Text Document
ดังนั้นเราควรจะทำเป็น OpenDocument ให้หมด (พร้อมเวอร์ชัน PDF) - อีกอย่างที่สำคัญคือหน้าจอ
Notebook ของผู้พูดต้องดูอินเตอร์ด้วย ถ้าเอาขึ้นจอใหญ่ดันมีโปรแกรมไม่มี
License หรือไฟล์หนังโป๊โผล่มานี่คงอายตาย - เอฟเฟคนี่ไม่ควรใส่มาก ถ้าเป็นไปได้ไม่น่าจะใส่มาเลย ถ้ากลัวคนฟังง่วง น่าจะใช้เทคนิคอื่น มาเล่นกับคนฟังแทน (ผมเพิ่มเอง)
- กฎ 10-20-30 ของ Guy Kawasaki (สไลด์ไม่เกิน 10 หน้า ใช้เวลานำเสนอไม่เกิน 20 นาที ขนาดตัวอักษรไม่เล็กกว่า 30) ก็น่าจะเอามาใช้เวลานำเสนอแนวความคิดการทำงานแบบใหม่ๆ ให้กับบุคลากรในโรงพยาบาล